ชา กาแฟดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์
ตอนที่เราง่วงนอน รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า หลายคนคงจะหาตัวช่วยเป็นเครื่องดื่มที่มีสารกาเฟอีน อย่าง “ชา” หรือ “กาแฟ” ใช่ไหมคะ บางคนดื่มทุกวันอยู่แล้ว แต่ปริมาณการดื่มก็อาจจะไม่เท่ากัน บางคนดื่มชาหรือกาแฟแค่ 1 แก้วก็เพียงพอแล้ว แต่บางคนต้องดื่มมากถึง 4-5 แก้วเลยก็มี ความจริงแล้วเราควรจะดื่มเครื่องดื่มสองชนิดนี้อย่างไรกันแน่ให้เป็นประโยชน์และไม่ให้โทษกับตัวเองกันนะ
เป็นที่ทราบกันดีว่าในชาและกาแฟล้วนมีสาร “กาเฟอีน” กันทั้งนั้น สารนี้จะมีฤทธิ์ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว รู้สึกมีกำลัง แต่อย่างไรก็ตามกาเฟอีน “ไม่ใช่ยา” ที่จะช่วยให้ความอ่อนเพลียนั้นหายเป็นปลิดทิ้งนะคะ มันเพียงแค่ช่วยให้เรา “รู้สึก” มีกำลังขึ้นมาเท่านั้น ทั้งที่ร่างกายยังเหนื่อยอยู่ ในกาแฟจะมีปริมาณกาเฟอีนมากกว่าชา ปริมาณกาเฟอีนที่แนะนำให้ดื่มคือ 300-400 มิลลิกรัมต่อวัน ขณะที่หญิงตั้งครรภ์ควรได้รับไม่เกิน 200 มิลลิกรรมต่อวัน จากงานวิจัยหลาย ๆ สำนักล้วนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า การดื่มกาแฟวันละ 2-3 แก้ว เป็นปริมาณที่พอเหมาะ ไม่เป็นอันตราย และให้ประโยชน์ ขณะเดียวกัน งานวิจัยก็ไม่ได้ฟันธงว่าผู้ดื่มเกิน 3 แก้วขึ้นไปจะได้รับผลเสียต่อสุขภาพ หากแต่หากได้รับกาเฟอีนในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลให้ปวดหัว หรือใจสั่น ขึ้นมาได้ นอกจากนั้นปริมาณกาเฟอีนยังส่งผลต่อผู้ป่วยโรคต่าง ๆ แตกต่างกันไป ทางที่ดีที่สุดคือควรจะ “เดินทางสายกลาง” ดื่มแต่พอดี
ชา กาแฟดื่มอย่างไรให้ได้ประโยชน์
- ดื่มชาอย่างไรให้ได้ประโยชน์
- หากต้องการดื่มชาเพื่อความอร่อย ไม่ควรต้มชานานเกินไป จะได้รสที่ไม่ขมมากนัก เพราะในน้ำชามีสาร “แทนนิน” ช่วยลดอาการท้องผูก และมีรสฝาด หากต้มนาน ชาจะช่วยเรื่องขับถ่ายได้
- งานวิจัยพบว่าชาช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดได้ ดังนั้นควรดื่มชาขณะกินอาหารที่มีไขมันสูงด้วย
- นักวิจัยประเทศอังกฤษชี้ว่า ควรดื่มชาที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 70 องศา เพราะความร้อนทำให้ผนังบุด้านในลำคอเป็นแผล อาจส่งผลให้เป็นมะเร็งหลอดอาหารได้
- ดื่มกาแฟอย่างไรให้ได้ประโยชน์
- นักวิจัยแนะนำว่า สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย ควรดื่มกาแฟล่วงหน้าครึ่งชั่วโมง เพราะจะช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเผาผลาญ
- ไม่ควรดื่มกาแฟตอนท้องว่าง เพราะกาเฟอีนจะเข้าไปเร่งให้ร่างกายสร้างกรดในกระเพาะอาหารซึ่งอาจทำให้เกิดโรคกระเพาะได้
- เวลาที่ดื่มกาแฟแล้วจะช่วยให้ตื่นตัวได้มากที่สุดคือ 9:30-11:30 น. เพราะกาเฟอีนสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดเวลานี้ ส่วนช่วงเวลาอื่น ร่างกายจะผลิตฮอร์โมน “คอร์ติซอล” ออกมาเวลาเครียด จึงอาจทำให้การทำงานซ้อนทับกันได้
และนี่ก็คือตัวอย่างการ ดื่มชาและกาแฟที่ดี ทั้งยังให้ประโยชน์ หากใครอยากกระปรี้กระเปร่า ห่างไกลโรค แนะนำให้ดื่มชาหรือกาแฟดังตัวอย่างข้างต้นจะได้ประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ