เรื่องกาแฟล่าสุด

ราคากาแฟดิบ 2564

ราคากาแฟดิบ 2564

ราคากาแฟดิบ 2564

            เกษตรกรรมด้านการปลูกกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่เป็นรายได้หลักของเกษตรกรทางภาคใต้รองลงมาจากยางพารา และเพราะเป็นรายได้หลักนั่นเอง จึงต้องมีการดูแลเอาใจใส่ในการปลูกเป็นอย่างดี เพื่อให้ผลผลิตได้คุณภาพตรงความต้องการของผู้รับซื้อ รวมไปถึงได้ราคาขายที่สูงขึ้นเพื่อเป็นการสร้างกำไรให้กับเกษตรกรอีกด้วย

            ซึ่งในแต่ละปีผลผลิตกาแฟจะออกผลให้สามารถส่งขายได้ในช่วงประมาณเดือนมีนาคม – พฤษภาคม โดยเมื่อเดือนมีนาคม2564ที่มาผ่านราคากาแฟดิบ2564 กลับลดลงจากเดิมเฉลี่ยที่กิโลกรัมละ 1 บาท จากผลกระทบของการนำเข้ากาแฟจากธุรกิจรายใหญ่ ที่เลือกนำเข้ากาแฟในช่วงที่ผลผลิตกาแฟของเกษตรกรกำลังอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวและส่งขายได้ จากเดิมราคากิโลกรัมละ 65 – 68 บาท กลับมีราคาขายเหลือเพียง 64 – 67 บาทเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการกระจายผลผลิตเกษตรกรจึงจำต้องขายกาแฟในราคาดังกล่าว

ราคากาแฟดิบ 2564

            ราคากาแฟดิบ 2564 ที่ลดลง เป็นอันส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจทางเกษตรกรรมตกต่ำลง แต่ราคาขายของกาแฟในรูปแบบต่าง ๆ ยังคงมีราคาเท่าเดิม ไม่ได้ปรับลดลงตามราคาขายผลผลิตกาแฟ ทำให้เกษตรกรต้องแบ่งพื้นที่ในการปลูกพืชพันธุ์ชนิดอื่น เพื่อเป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้นทดแทนราคากาแฟที่ต่ำลง

            ไม่เพียงสาเหตุของการนำเข้ากาแฟของรายใหญ่เท่านั้นที่ส่งผลให้ราคากาแฟดิบ 2563 ต่ำลง แต่เพราะสภาวะภูมิอากาศที่แปรปรวน เพราะมีฝนตกเร็วกว่าปกติและตกในปริมาณมากจึงส่งผลให้ผลผลิตกาแฟเสียหายอีกด้วย จนในปีนี้มีผลผลิตกาแฟเหลือเพียงประมาณ  2 ตันต่อปีเท่านั้น จากเดิมที่เคยมีผลผลิตมากถึง 5 ตันต่อปี นอกจากปริมาณที่น้อยลง แล้วคุณภาพของกาแฟก็น้อยลงเช่นกัน ทำให้ราคากลางในการซื้อขายกาแฟถูกปรับลงตามไปด้วย

            แม้ว่าจะมีการประกันราคาจากทางภาครัฐในส่วนของกาแฟ ที่กิโลกรัมละ 60 บาท แต่ผู้ซื้อสามารถจำกัดจำนวนในการซื้อได้ ส่งผลให้จำนวนการซื้อขายลดลงแม้ว่าจะตรึงราคาได้ที่ 60 บาทก็ตาม ดังนั้นราคากาแฟดิบ 2564 แม้จะมีการประกันราคาแต่ก็ถือว่าเป็นวิกฤตของเกษตรกรอยู่เช่นเดิม

            ไม่เพียงเท่านั้นในส่วนของการนำเข้ากาแฟ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ราคากาแฟดิบ 2564 ต่ำลงได้ ทั้งการนำเข้าแบบถูกกฎหมายหรือการลักลอบนำเข้าที่ยังคงเป็นปัญหาของเกษตรกรรายย่อยอยู่ เพราะการนำเข้ากาแฟจากประเทศเพื่อนบ้าน ต้นทุนในส่วนของการขนส่งจะไม่สูงมาก บางครั้งต้นทุนการขนส่งอาจจะเทียบเท่ากับการขนส่งในประเทศก็ว่าได้ และต้นทุนการซื้อเมล็ดกาแฟจากประเทศเพื่อนบ้านก็ถูกกว่าการซื้อจากเกษตรกรในประเทศไทยที่ประมาณกิโลกรัมละ 8 – 10 บาทเลยทีเดียว ทำให้เกษตรกรต้องปรับตัวกับบีบราคาขายของกาแฟที่ต่ำลง ส่งผลให้ราคากาแฟที่ซื้อขายกับโรงงานลดลง กำไรและปริมาณที่ขายก็ลดลงไปด้วยเช่นกัน  

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *