เรื่องกาแฟล่าสุด

กาแฟมีกี่ชนิด

กาแฟมีกี่ชนิด ก่อนอื่นถ้าจะรู้ว่ากาแฟมีกี่ชนิด อันดับแรกเราต้องทราบก่อนว่าแท้จริงแล้วเมล็ดกาแฟนั้น มาจากสายพันธุ์ไหน

กาแฟมีกี่ชนิด

ก่อนอื่นถ้าจะรู้ว่า กาแฟมีกี่ชนิด อันดับแรกเราต้องทราบก่อนว่าแท้จริงแล้ว เมล็ดกาแฟ นั้น มาจากสายพันธุ์ไหน มักจะนิยมปลูกในพื้นที่ใด และจะมีรสชาติหรือลักษณะรูปร่างที่แตกต่างกันมากน้อยเพียงไหน ซึ่งโดยข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้นเหล่านี้ก็มักจะเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคเครื่องดื่มประเภทกาแฟ หรือหลงใหลชื่นชอบในกลิ่นความหอมของเมล็ดกาแฟนั้น จะต้องรู้จักข้อมูลเบื้องต้นของวัตถุดิบตัวนี้กันแทบทุกคนนั่นเอง

ซึ่งอย่างทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เมล็ดกาแฟนั้นมีทั้งหมดอยู่ 4 สายพันธุ์ แต่จะมีเพียงแค่ 2 สายพันธุ์ที่มีผู้คนชื่นชอบและนิยมนำมาบริโภคกันมากที่สุดนั่นก็คือ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า และ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า นั่นเอง สำหรับวัตถุดิบประเภทนี้ต้องบอกเลยว่า เป็นวัตถุดิบที่สามารถสร้างรายได้ให้กับการค้าเกษตรกรรมให้กับชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ ได้ลืมตาอ้าปากกันเป็นอย่างมาก เพราะว่าเป็นวัตถุดิบที่สามารถนำมาพัฒนา ให้กลายเป็นสินค้าส่งออกที่ไม่ว่าจะเป็นทั้งประเภทเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งประเภทขนมเบเกอรี่ อาหาร ซึ่งวัตถุดิบชิ้นนี้สามารถต่อยอดได้ออกมาหลากหลายประเภท จนทำให้มีผู้คนสนใจและนิยมนำมาบริโภคกันเป็นจำนวนมากจนถึงทุกวันนี้นั่นเอง

สำหรับ ชนิดของกาแฟ นั้น อย่างที่ทราบกันโดยทั่วไปแล้วก็คือ สายพันธุ์แรกจะเป็น กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้า ซึ่งสามารถพบได้ในเขตพื้นที่เอธิโอเปีย โดยสายพันธุ์นี้จะเป็นเมล็ดกาแฟที่มีความหอมหวานนุ่มนวล รับประทานง่าย มากกว่าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์อื่นๆ เลยได้ถูกยกให้กลายเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่ดีที่สุดในการส่งออกนั่นเอง

ต่อมาในสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟประเภทที่ 2 ที่มักจะถูกนำมาบริโภคกันเป็นจำนวนมากนั้น ก็คงจะเป็น เมล็ดกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ซึ่งมักจะพบเจอได้ในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันตกของทวีปแอฟริกา โดยจะมีรสชาติที่เข้มข้น มีกลิ่นหอมและมีคาเฟอีนที่สูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ด้วยความที่ว่าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้มีรสชาติที่เข้มข้นไม่เหมือนใคร จึงทำให้ถูกใจผู้บริโภคที่ชื่นชอบรับประทานกาแฟในรสชาติที่กลมกล่อมแบบเข้มข้นกันนั่นเอง

ต่อมาชนิดกาแฟสายพันธุ์ที่ 3 นั่นก็คือ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์ไลบีเรีย ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีผู้คนพูดถึงมากนัก มักจะนิยมบริโภคกันเป็นหย่อมๆในเขตพื้นที่ไลบีเรีย ซึ่งเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้มักจะมีรสชาติที่ฝาดและขมกว่าสายพันธุ์อื่นๆ จึงทำให้กลายเป็นเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่ไม่ค่อยมีผู้คนนิยมนำมาบริโภคกันมากนั่นเอง

และเมล็ดกาแฟสายพันธุ์สุดท้ายนั่นก็คือ เมล็ดกาแฟสายพันธุ์เอ็กซ์เซลซ่า ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งเมล็ดกาแฟสายพันธุ์ที่มักจะพบเจอได้ในเขตทวีปแอฟริกาเท่านั้น เพราะว่าเมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้จะมีรสชาติที่เข้มข้นขมพล่าค่อนข้างมากกว่าสายพันธุ์อื่นๆ เลยทำให้เมล็ดกาแฟสายพันธุ์นี้ไม่ค่อยนิยมนำมาบริโภคและผลิตกันมากนักเท่าไหร่นั่นเอ

และสำหรับเครื่องดื่มประเภทกาแฟที่มักจะถูกนำมาบริโภคกันเป็นจำนวนมากที่สุดนั้น ก็คงจะไม่พ้นกับเครื่องดื่มทั้ง 6 ชนิดนี้ ซึ่งนั่นก็คือ กาแฟคาปูชิโน่ ,กาแฟลาเต้ ,กาแฟอเมริกาโน่ ,กาแฟมอคค่า, กาแฟมัคคิอาโต้ และ กาแฟเอสเปรสโซ่ นั่นเอง โดยกาแฟแต่ละชนิดนั้น ก็มักจะมีส่วนประกอบ ส่วนผสมในการทำที่แตกต่างกันออกไป และจะมีรสชาติที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตามร้านคาเฟ่ต่างๆก็มักจะนิยมนำกาแฟทั้ง 6 ชนิดนี้ มาเป็นเมนูเครื่องดื่มพื้นฐานยอดฮิตกันอยู่บ่อยครั้ง โดยแต่ละชนิดนั้นก็จะมีสีสันรสชาติที่เรียกได้ว่าลงตัวและเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละเมนูนั่นเอง อีกทั้งเมนูเครื่องดื่มประเภทกาแฟนั้น ก็มักจะมี วิธีการชงกาแฟ วิธีการสกัดกาแฟ ที่แตกต่างกันออกไป แต่จะมีเพียงแค่ 4 วิธีพื้นฐานที่เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนการชงกาแฟแบบเบสิคที่ร้านคาเฟ่ทั่วไปนั้น มักจะนิยมนำมาเป็นวิธีการที่ใช้กันอยู่เป็นประจำเลย ซึ่งนั่นก็จะแบ่งออกเป็นอยู่ 4 วิธีการชงกาแฟด้วยกันคือ

  • วิธีที่ 1 จะเป็นวิธีการชงที่เรียกกันว่า ดริฟคอฟฟี่ Drip Coffee : ซึ่งเป็นวิธีการชงที่มักจะนำเมล็ดกาแฟนั้นไปบดให้ละเอียดหยาบ แล้วนำน้ำร้อนรินผ่านกาแฟที่ถูกบดหยาบบนตัวกระดาษกรอง หลังจากนั้นจะปล่อยให้น้ำกาแฟค่อยๆไหลลงภาชนะรองนั่นเอง สามารถนำมารับประทานได้ทั้งรูปแบบร้อนและรูปแบบเย็น
  • วิธีที่ 2 จะเป็นวิธีการชงที่เรียกกันว่า เฟรนเพรส French press : ซึ่งเป็นวิธีการชงที่นำกาแฟบดหยาบนั้นไปแช่กับน้ำร้อนในระยะเวลาประมาณ 4 นาที จากนั้นค่อยๆกดตัวกรองลงไปเพื่อทำการแยกชั้นระหว่างกาแฟบดหยาบและน้ำนั่นเอง ซึ่งสามารถนำมารับประทานได้ในทั้งรูปแบบร้อนและแบบเย็นเช่นกัน
  • วิธีที่ 3 จะเป็นวิธีการชงที่เรียกกันว่า มอคค่าพอต Mocha Pot : ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะนำเมล็ดกาแฟนั้นไปบดให้หยาบ และนำน้ำร้อนเทใส่ในภาชนะของกาต้มลงไป จากนั้นนำไปตั้งเตาให้ร้อนจนตัวน้ำเดือด ถึงจะได้การสกัดของน้ำกาแฟออกมา ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งในรูปแบบร้อนและเย็นอีกเช่นเดียวกัน
  • วิธีที่ 4 จะเป็นวิธีการชงที่เรียกกันว่า เอโรเพลส Aero Press : ซึ่งเป็นวิธีการชงที่จะนำเมล็ดกาแฟไปบดหยาบ แล้วทำการรินน้ำร้อนลงบนตัวกาแฟบดอย่างช้าๆ จากนั้นจะค่อยๆดันลูกสูบลงมาเบาๆเพื่อสร้างแรงดันอากาศ ที่จะช่วยให้สกัดกาแฟออกมานั่นเอง ซึ่งวิธีนี้สามารถรับประทานได้ในทั้งรูปแบบร้อนและเย็นอีกเช่นเดียวกัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *