รีวิวเครื่องคั่วกาแฟรุ่น MS 300
เชื่อว่าหลายคนน่าจะประสบปัญหาเวลาที่ใช้เครื่องคั่วกาแฟแบบใช้ร่วมกับเตาแก๊ส เนื่องจากคุณภาพของเมล็ดกาแฟแต่ละครั้งนั้นไม่เท่ากันเพราะความแรงของไฟ เวลาที่ใช้ หรือปริมาณของเมล็ดกาแฟในการคั่วของแต่ละครั้งนั้นไม่เท่ากัน ทำให้กาแฟที่ได้มาในการคั่วแต่ละครั้งนั้นมีคุณภาพไม่เท่ากัน ซึ่งคงไม่ดีเท่าไหร่นะหาคุณเปิดร้านกาแฟและกาแฟที่ใช้ในแต่ละวันนั้นไม่เหมือนกัน ดังนั้นเพื่อให้ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเราจึงขอแนะนำให้ใช้เครื่องคั่วกาแฟแบบไฟฟ้าหรือแบบลมร้อนจะช่วยให้เมล็ดกาแฟที่ออกมานั้นมีคุณภาพที่เสถียรมากกว่า เนื่องจากมีการทำงานโดยอัตโนมัติและบางเครื่องนั้นยังสามารถจดจำรูปแบบการคั่วได้อีกด้วย
แม้ว่าจะมีราคาที่สูงกว่าแต่ด้วยคุณภาพของมันและประสิทธิภาพในการทำงานทำให้มันยังคงเป็นเครื่องคั่วที่มีความคุ้มค่าอยู่ อย่างที่เราจะมาแนะนำในวันนี้นั่นก็คือเครื่องคั่วกาแฟรุ่น MS-300 เป็นเครื่องคั่วที่ทำงานโดยการใช้ลมร้อนในการคั่วเมล็ดกาแฟ ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเครื่องคั่วกาแฟที่ใช้งานร่วมกับเตาแก๊ส โดยอยู่ที่ 19,500 บาท สามารถคั่วได้ครั้งละ 300 กรัม ด้วยปริมาณที่สามารถรองรับได้ในแต่ละครั้งนั้นไม่สูงเท่าไหร่นักทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้ในครัวเรือนหรือร้านกาแฟขนาดเล็ก
ด้วยเทคโนโลยีการควบด้วยลมร้อนของเครื่องคั่วกาแฟรุ่น MS-300 นั้นทำให้เมล็ดกาแฟแต่ละเมล็ดและมีสีที่สม่ำเสมอกัน เนื่องจากได้รับความร้อนแบบเท่ากันตลอดเวลาที่คั่ว ที่สำคัญคือหมดปัญหาเรื่องควันทำให้สามารถใช้งานในร่มได้ สำหรับคนที่ใช้งานในร้านกาแฟนั้นก็จะได้กาแฟคั่วใหม่ให้กับลูกค้าทันที ที่สำคัญคือตัวเครื่องนั้นสามารถแยกเปลือกกาแฟได้ทำให้ไม่ต้องมาแยกเปลือกกาแฟเองจนเลอะ ประหยัดเวลา และช่วยให้คุณภาพของกาแฟเพิ่มมากยิ่งขึ้น ขนาดกะทัดรัดไม่กินพื้นที่มันจึงสามารถใช้ตั้งบนเคาน์เตอร์ได้ ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย สามารถคั่วได้อย่างรวดเร็ว สะอาดได้มาตรฐานและทำงานอย่างชาญฉลาด น้ำหนักเครื่องอยู่ที่ 12 กิโลกรัม รูปแบบการทำงานแบบฟลูอิดเบดที่ขายกับเครื่องคั่วป๊อปคอร์นนั้นทำให้เมล็ดกาแฟที่ได้จากเครื่องดังกล่าวนั้นได้รับความร้อนที่สูงแต่ลดโอกาสที่จะเกิดอาการเมล็ดไหม้หรือแตกเสียหายได้เป็นอย่างดี วิธีการใช้งานเพียงแค่เทเมล็ดกาแฟลงไปในถุง เสียบปลั๊ก แนะนำว่าให้เสียบเข้ากับเต้ารับโดยตรงเนื่องจากใช้กำลังไฟสูงและมีความเสี่ยงที่จะตัดไฟเองจนทำให้ไหม้ได้ ทำการกดสวิตช์เปิดเครื่อง สลับปุ่มพัดลมไปที่ 90% เพื่อให้เมล็ดกาแฟลอยในอากาศ ปรับอุณหภูมิตามความต้องการ หลังจากที่ได้เมล็ดกาแฟในระดับที่ต้องการแล้วก็ทำการปรับลดอุณหภูมิลง รอจนกว่าอุณหภูมิต่ำกว่า 40 องศาแล้วปิดพัดลม จากนั้นก็ทำการปิดสวิตช์เครื่อง