เรื่องกาแฟล่าสุด

สูตรคาปูชิโน่เมนูกาแฟสด

สูตรคาปูชิโน่เมนูกาแฟสด

สูตรคาปูชิโน่เมนูกาแฟสด

 

            คาปูชิโน่เมนูกาแฟสด ที่เป็นที่ชื่นชอบของสายกาแฟที่ไม่เน้นความเข้มและขมของกาแฟมากนัก เพราะคาปูชิโน่เป็นเมนูกาแฟที่จะใช้กาแฟเพียง ¼ ผสมกับนมร้อนและฟองนุ่มที่ปริมาณเท่ากันที่อย่างละ ½ ของแก้ว เพื่อเทคเจอร์ที่เป็นเอกลักษณ์ในการสัมผัส และเพิ่มกลิ่นหอมและความสวยงามด้วยผงชินาม่อนสีน้ำตาลทอง

            เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของคาปูชิโน่คือฟองนมที่นุ่มและฟูที่จะมาช่วยเจือจางความเข้มของกาแฟได้ ด้วยวิธีการชงดังนี้

  • เตรียมนมสำหรับการสตรีมโดยให้นมประมาณ 2/3 ของเหยือก เพื่อให้มีพื้นที่เหลือในการขยายตัวของฟองน้ำ การเลือกนมในการทำคาปูชิโน่ควรเป็นนมใหม่ที่ยังไม่ผ่านการสตรีมหรือการอุ่นร้อน เพื่อให้ได้ฟองนมที่ฟูสวยงาม

 

  • บดเมล็ดกาแฟในระดับที่ละเอียดเพื่อให้ได้กลิ่นของกาแฟชัดเจน เทผงกาแฟลงในก้านชง จากนั้นกดกาแฟให้แน่นปานกลาง แล้วปาดฝุ่นผงกาแฟออก แล้วนำก้านชงใส่ในเครื่องแล้วกดเลือก Espresso Shot แบบครึ่งช็อต เพราะเมนูคาปูชิโน่จะใช้กาแฟเพียง ¼ เท่านั้น

 

  • ระหว่างรอให้น้ำกาแฟไหลออกมาเป็น Espresso ก็จะเริ่มการสตรีมน้ำที่เตรียมไว้ สำหรับนมที่เหมาะแก่การนำเมนูคาปูชิโน่จะเป็นนมวัวเท่านั้น เพราะโปรตีนในนมจะช่วยให้เกิดฟองที่ฟูและนุ่ม อีกทั้งฟองจะคงตัวได้นานจากเพราะโปรตีนที่มีอยู่ในนม ดังนั้นหากเป็นนมถั่วเหลืองจะไม่ได้ฟองที่นุ่มฟูตามแบบฉบับของคาปูชิโน่ สำหรับการสตรีมนมจะทำการสตรีมจากก้นเหยือกประมาณ 20 วินาที เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำนม แล้วจึงเลื่อนเหยือกลงเพื่อทำการสตรีมผิวน้ำนมให้เกิดฟองที่นุ่มฟู การทำคาปูชิโน่จะใช้ฟองนมถึง ¾ ของแก้วเลยทีเดียวการสตรีมนมสำหรับคาปูชิโน่จึงจะเน้นการสตรีมที่ผิวนมเพื่อสร้างฟองมากกว่า ระยะเวลาในการสตรีมฟองน้ำจะใกล้เคียงกับที่ Espresso ไหลหมดช็อตพอดี

 

  • เมื่อสตรีมนมจนได้ฟองในปริมาณที่พอดีแล้ว ให้ใช้การสะบัดข้อมือเพื่อเป็นการปรับฟองนมมีความเนียมมากขึ้นและไล่อากาศส่วนเกินออก แล้วจึงเตรียมแก้วสำหรับการเสิร์ฟจากนั้นเทน้ำนมและฟองนมลงในแก้วด้วยน้ำนม 50% และ ฟองนม 50% เท่า ๆ กัน โดยสามารถใช้วิธีการตัดฟองลงในแก้วเพื่อให้ฟองคงตัวความฟูก็ได้เช่นกัน

 

  • เมื่อเตรียมนมในแก้วเรียบร้อยแล้ว จึงทำการเติม Espresso ที่เตรียมไว้เทผ่านฟองนมลงไปจนหมด แล้วโรยด้านบนด้วยผงชินาม่อนตามต้องการ

การโรยผงชินาม่อนด้านบน อาจจะเปลี่ยนเป็นผงโกโก้ก็ได้เช่นกัน แต่หากเป็นต้นตำหรับจากผู้คิดค้นเมนูคาปูชิโน่จะไม่มีการโรยผงใดๆ เลย แต่ช่วงหลังจะเป็นการประยุกต์เพื่อความสวยงาม และในบางครั้งอาจจะใช้เป็นซอสช็อคโกแลตเพื่อตกแต่งความสวยงามอีกด้วย  

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *