เรื่องกาแฟล่าสุด

Black Honey Process คืออะไร เพราะเหตุใดวิธีนี้กาแฟจึงหวาน

Black Honey Process คืออะไร เพราะเหตุใดวิธีนี้กาแฟจึงหวาน

Black Honey Process คืออะไร เพราะเหตุใดวิธีนี้กาแฟจึงหวาน

            กระบวนการแปรรูปกาแฟนั้นมีหลายวิธีการ แล้วแต่ว่าเรานั้นต้องการให้กาแฟออกมามีรสชาติและกลิ่นแบบใด รวมไปถึงแต่ละวิธีการนั้นยังได้รับความนิยมใช้ในแต่ละพื้นที่แตกต่างกันออกไปอีกด้วย ทำให้ในปัจจุบันเรามีกาแฟเลือกดื่มเป็นจำนวนมากตามแต่วิธีการที่แต่ละร้านเลือกใช้ ทำให้เรานั้นได้เรียนรู้วิธีการแปรรูปกาแฟที่แปลกหรืออาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเป็นจำนวนมาก หนึ่งในกระบวนการที่ได้รับความนิยมใช้เนื่องจากช่วยให้กาแฟนั้นมีรสชาติหวานแบบฉบับน้ำตาลธรรมชาตินั่นก็คือวิธีการ Black Honey Process เป็นวิธีการที่นิยมใช้ในประเทศนิการากัว ประเทศที่มีสินค้าส่งออกสำคัญอันดับหนึ่งคือกาแฟ

Black Honey Process คืออะไร เพราะเหตุใดวิธีนี้กาแฟจึงหวาน

           ทำให้กระบวนการแปรรูปของกาแฟจากประเทศนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในแถบละตินอเมริกา และด้วยความที่ภูมิอากาศของประเทศดังกล่าวนั้นมีความคล้ายคลึงกับประเทศไทยนั้นก็คือมีอากาศค่อนข้างร้อน ทำให้หากเราต้องการจะใช้กระบวนการแปรรูปกาแฟแบบเดียวกันนั้นก็ยังสามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย นั่นก็เป็นเพราะว่ากระบวนการดังกล่าวนี้จะมีขั้นตอนที่เราจะต้องตากเมล็ดกาแฟโดยใช้แสงอาทิตย์เป็นหลัก แม้ว่าในปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสามารถตากกาแฟได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้แสงอาทิตย์แล้ว แต่อย่างไรก็ตามกระบวนการตามธรรมชาตินั้นย่อมดีกว่าและเต็มไปด้วยเสน่ห์มากกว่ากระบวนการที่ใช้เทคโนโลยีมากเกินไป

Black Honey Process คืออะไร เพราะเหตุใดวิธีนี้กาแฟจึงหวาน

            วิธีการ Black Honey Process เป็นวิธีการแปรรูปกาแฟที่เต็มไปด้วยการดูแลเอาใจใส่และความพิถีพิถันเป็นอย่างมาก ดังนั้นวิธีการนี้จึงไม่ค่อยได้รับความนิยมมากเท่าไรนัก แต่ด้วยวิธีการดังกล่าวนี้จะช่วยแปรรูปให้กาแฟของเรานั้นออกมามีรสชาติหวานตามธรรมชาติซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวเฉพาะกาแฟที่แปรรูปด้วยวิธีดังกล่าวเท่านั้น โดยมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า Semi-Dry Process วิธีการจะเริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวผลกาแฟหรือที่นิยมเรียกกันว่าผลเชอรี่ นำเอาผลมาปอกเปลือกแล้วทำการลอกเนื้อออกจะหมดเพื่อให้ได้เมล็ดกาแฟแต่ยังต้องมีเยื่อบุติดอยู่ หลังจากนั้นให้นำเมล็ดกาแฟเหล่านี้ไปตากแห้งโดยการถึงกับแดดท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนจัดในนิการากัว จากนั้นต้องพลิกเมล็ดกาแฟอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้น้ำตาลตามธรรมชาตินั้นส่งรสหวานมากยิ่งขึ้นและซึมเข้าไปในกาแฟในช่วงเวลาที่กำลังตากแห้งอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นการพลิกเมล็ดกาแฟนั้นยังช่วยป้องกันการเกิดความชื้นได้อีกด้วย ใช้เวลาในการตากขั้นต่ำประมาณ 2 สัปดาห์ จนกว่าเยื่อหุ้มเมล็ดกาแฟนั้นจะกลายเป็นสีดำและแห้งติดอยู่บนเมล็ดกาแฟ แม้ว่าจะเป็นกระบวนการแปรรูปกาแฟตามธรรมชาติที่ใช้เวลานานแต่ผลลัพธ์ที่ได้ออกมานั้นก็ถือว่าคุ้มค่าเลยทีเดียว

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *