เรื่องกาแฟล่าสุด

Carbonic Process Coffee คือกระบวนการแปรรูปกาแฟแบบใด

Carbonic Process Coffee คือกระบวนการแปรรูปกาแฟแบบใด

Carbonic Process Coffee คือกระบวนการแปรรูปกาแฟแบบใด 

 

Carbonic Process Coffee คือกระบวนการแปรรูปกาแฟแบบใด

            กระบวนการแปรรูปกาแฟนั้นเป็นกระบวนการสำคัญที่ส่งผลถึงกลิ่นและรสชาติของกาแฟ ดังนั้นมันจึงเป็นกระบวนการที่เหล่าผู้ประกอบการหรือเจ้าของร้านกาแฟนั้นค่อนข้างให้ความใส่ใจในการเลือกกระบวนการ ว่าจะใช้วิธีการใดเพื่อให้กาแฟของตนเองนั้นออกมาได้กลิ่นและรสชาติตามที่ต้องการและสมบูรณ์แบบมากที่สุด หนึ่งในวิธีการที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทยนั้นก็คือ Carbonic Process Coffee คือกระบวนการที่มีจุดเริ่มต้นในอุตสาหกรรมผลิตไวน์ อย่างเช่นไวน์จากแบรนด์ชื่อดังในฝรั่งเศสอย่าง Beaujolais Nouveau ซึ่งหลายชนิดนี้มักนิยมใช้ในการเลี้ยงเฉลิมฉลองและยังเปรียบเสมือนกับเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของคนผลิตไวน์ด้วย กระบวนการดังกล่าวนี้จะนำองุ่นไปหมักในถังสแตนเลสโดยไม่เติมหัวเชื้อหรือยีสต์ ปล่อยให้กาลเวลานั้นทำการย่อยสลายองุ่นจนเปื่อยเองด้วยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยให้ไวน์ที่ได้ออกมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและรสชาติที่เป็นผลไม้ จากนั้นกระบวนการดังกล่าวก็ถูกนำเอามาประยุกต์ใช้ในการผลิตกาแฟ ซึ่งการประยุกต์วิธีการดังกล่าวมาใช้กับเครื่องดื่มอย่างกาแฟนั้นจะช่วยให้กาแฟมีรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้น มีความหวานมากยิ่งขึ้น และช่วยลดกลิ่นเหม็นเขียวออกไปได้เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ากาแฟที่ได้นั้นจะช่วยให้กลิ่นและรสชาติที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือมันสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแต่ต้องมีอุปกรณ์เฉพาะอย่างเช่นถังสแตนเลสที่จะใช้ในการหมัก แต่อย่างไรก็ตามกาแฟที่ได้ออกมานั้นจะมีรสชาติสมบูรณ์แบบมากแค่ไหนก็แล้วแต่ว่าเรานั้นเลือกใช้สายพันธุ์อะไร สายพันธุ์นั้นมีจุดดีและจุดด้อยอย่างไร รวมถึงมันเหมาะสำหรับการแปรรูปด้วยวิธีดังกล่าวหรือไม่

            Carbonic Process Coffee จะเริ่มจากการเก็บเกี่ยวผลเชอรี่กาแฟ นำมาล้างเพื่อทำความสะอาดแล้วปอกเปลือกออกจนหมด จากนั้นให้นำเอาเมล็ดกาแฟที่ยังคงมีเมือกติดอยู่ใส่ลงไปในถังสแตนเลสที่สามารถออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะ จากนั้นให้ทำการเติมน้ำลงไปแล้วปิดฝาให้สนิท ทำการอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และได้ก๊าซออกซิเจนออกไปจากถังเพื่อให้สภาวะภายในถังนั้นเลือกอำนวยต่อการหมักมากที่สุด เมื่อทางนั้นเต็มไปด้วยคาร์บอนไดออกไซด์และปราศจากออกซิเจนเรียบร้อยแล้วให้ทำการทิ้งไว้เป็นเวลา 1-2 วัน และระหว่างที่หมักนั้นต้องทำการตรวจวัดอุณหภูมิทั้งภายในและภายนอกถังรวมถึงทำการควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการหมักมากที่สุด โดยภายในฐานะอุณหภูมิควรอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียสและไม่สูงกว่า 8 องศาเซลเซียส แต่หากต้องการให้เมล็ดกาแฟที่ได้นั้นมีความหวานเป็นพิเศษก็สามารถเพิ่มอุณหภูมิได้เป็นไม่ต่ำกว่า 18 องศาเซลเซียสและไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส ออกัสคาร์บอนไดออกไซด์ซึมเข้าสู่เมล็ดกาแฟมันก็จะทำการหมักด้วยตนเองและเปลี่ยนน้ำตาลให้กลายเป็นแอลกอฮอล์ในปริมาณต่ำ น้ำตาลก็จะทำการซึมเข้าไปในเมล็ดกาแฟมากยิ่งขึ้น หลังจากถึงวันที่กำหนดเราก็จะได้เมล็ดกาแฟตามที่ต้องการ 

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *