One pour method เทคนิคการดริปกาแฟจากแชมป์ดริฟกาแฟประจำปี 2016
รู้หรือไม่ว่าการทำ กาแฟ รับประทานเองนั้นนอกจากในปัจจุบันนี้ จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้นเนื่องจากมันเต็มไปด้วยความเพลิดเพลินในการทำแถมยังช่วยให้เราได้ดื่มกาแฟ ในรสชาติที่ถูกใจในราคาที่ถูกลงกว่าไปซื้อตามร้านกาแฟสดธรรมดาทั่วไปแล้ว ทั่วทั้งโลกนั้นยังมี การจัดการแข่งขันดริฟท์กาแฟ ว่าใครที่มีความสามารถในการชงกาแฟออกมาได้อร่อยมากที่สุดอีกด้วย โดยในปี 2016 นั้น แชมป์ดริฟกาแฟ ตกเป็นของชาวญี่ปุ่นอย่าง เท็ตสึ คาสึยะ ชายผู้เป็นเจ้าของเทคนิคการดริปกาแฟที่เราจะมาแนะนำให้ทุกคนได้ลองทำตามกันในวันนี้นั่นก็คือ One pour method วิธีการดังกล่าวจะช่วยให้กาแฟออกมาหอมกรุ่นและมีรสชาติดีสมกับเทคนิคของคนเป็นแชมป์ในทีเดียว
วิธีการแรก สิ่งที่จะต้องเตรียมน้ำประกอบไปด้วยเมล็ดกาแฟบด 20 กรัม น้ำ 260 กรัมโดยอุณหภูมิจะต้องอยู่ที่ประมาณ 87 ถึง 88 องศาเซลเซียสเท่านั้น ใช้กระดาษกรองแบบ 02 วางลงไปบนดริปเปอร์ หลังจากนั้นให้ทำการล้างกระดาษกรองแล้วเทน้ำทิ้งเพื่อกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่จะมากับกระดาษกรอง เทเมล็ดกาแฟลงไปในกระดาษกรองหลังจากนั้นก็ให้ทำการเทน้ำลงไปให้จบภายใน 15 วินาทีด้วยวิธีการเทวะน้ำให้เปียกทั่วกันโดยต้องระมัดระวังไม่ให้น้ำที่เทไปนั้นถูกกระดาษกรองจากจะทำให้กลิ่นและรสชาติเพี้ยนไปจากเดิม จากนั้นก็เพียงแค่รอน้ำในดริปเปอร์ไหลออกมาจนหมดเพียงเท่านี้ขั้นตอนก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมล็ดกาแฟที่แนะนำให้ใช้ในพิธีการนี้ระดับการบดนั้นควรจะอยู่ที่ประมาณระดับปานกลาง
วิธีการที่ 2 สำหรับการชงกาแฟด้วยเทคนิคดังกล่าวคือการใช้เมล็ดกาแฟบด 25 กรัม น้ำ 300 กรัมอุณหภูมินั้นจะต้องอยู่ที่ 9 13 องศาเซลเซียสเท่านั้น ใช้กระดาษกรองเบอร์ 02 วางลงไปบนตัวดริปเปอร์ หลังจากนั้นให้ทำการล้างกระดาษกรองให้สะอาดและปราศจากกลิ่นจากนั้นก็ทำการเทน้ำทิ้งออกให้หมด เทเมล็ดกาแฟบดลงไปในดริปเปอร์ จากนั้นทำการเทน้ำลงไปปริมาณ 300 กรัมโดยการวนน้ำให้ทั่วและยังคงต้องระมัดระวังไม่ให้น้ำไปสัมผัสกับตัวกระดาษดิปเปอร์เพื่อไม่ให้รสชาติและกลิ่นเสีย ในขั้นตอนนี้จะต้องรีบทำให้จบภายในระยะเวลา 15 วินาที รอให้น้ำไหลผ่านดริปเปอร์จนหมดก็เป็นอันเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว วิธีการดังกล่าวยังคงเลือกใช้เมล็ดกาแฟบดระดับกลางเหมือนเดิม อย่างไรก็ตามเทคนิคดังกล่าวนั้นอาจจะทำให้รสชาติออกมาไม่เหมือนกันเนื่องจากยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่จะส่งผลต่อรสชาติไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ของเมล็ดกาแฟหรือระดับการคั่วว่ามีความเข้มอ่อนมากน้อยแค่ไหน แต่อย่างไรก็ตามเทคนิคนี้น่าจะช่วยให้คนที่สนใจการดริปกาแฟดื่มเองใหม่สามารถทำเทคนิคตามได้เพื่อรสชาติที่ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม